“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป" (เทียบ ลก 24:13-35) ....สารวันแพร่ธรรม ปี 2023....

สาส์นวันแพร่ธรรมสากลของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ ที่ 16
วันแพร่ธรรมสากลประจำปี 2012
“เราถูกเรียกให้แพร่พระวจนาตถ์แห่งความจริง”
(สมณลิขิต Porta Fidei n. 6)
        พี่น้องที่รักทั้งหลาย
          ปีนี้วันแพร่ธรรมสากลมีความหมายสำคัญเป็นพิเศษ  เป็นวันครบ 50 ปีของการเริ่มประชุมสังคายนาวาติกัน 2 และเป็นการเปิดปีแห่งความเชื่อโดยสมัชชาซีน็อดพระสังฆราชภายใต้หัวข้อ “การประกาศพระวรสารแนวใหม่ New Evangelization” ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศจุดยืนของพระศาสนจักรในอันที่จะดำเนินการประกาศพระวรสารสู่มวลชนด้วยความกล้าหาญและด้วยความศรัทธาร้อนรนยิ่งขึ้น เพื่อที่พระวจนาตถ์จะได้แพร่ขยายไปจนทั่วฟื้นพิภพ



             สังคายนาวาติกัน 2 ซึ่งบรรดาพระสังฆราชคาทอลิกจากทั่วทั้งโลกมาประชุมนั้นถือว่าเป็นเครื่องหมายชัดเจนที่สุดถึงความเป็นสากลของพระศาสนจักร นับได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ปิตาจารย์จำนวนมากมายจากเอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกาและโอเชียนาพากันมาร่วมประชุมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา   พระสังฆราชธรรมทูต พระสังฆราชพื้นเมือง และคุณพ่อเจ้าวัดที่เจริญชิวิตกระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางชนต่างศาสนาต่างนำเอาเรื่องราวของพระศาสนจักรในปัจจุบันของทุกทวีปมาตีแผ่ให้สมัชชาที่ประชุมทราบถึงความจริงที่สลับทับซ้อนของสิ่งที่เราเรียกกันว่า “โลกที่สาม” เพราะพวกเขามีประสบการณ์จากการทำงานในฐานะที่เป็นพระสงฆ์เจ้าอาวาสของวัดที่เป็นวัดใหม่และกำลังอยู่ในขั้นตอนของการอบรม และเพราะพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาที่จะประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าไปยังปวงชน พวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะประกาศว่า ธรรมชาติธรรมทูตของพระศาสนจักรคือ ศูนย์กลางแห่งศาสนจักรศาสตร์

ศาสนจักรศาสตร์ในฐานะที่เป็นธรรมทูต
             ทุกวันนี้วิสัยทัศน์นี้ยังใช้การได้อยู่  ประเด็นนี้เราได้รับประสบการณ์จากการพิจารณาไตร่ตรองที่ก่อให้เกิดผลดีเป็นอันมากจากทั้งเชิงเทวศาสตร์และเชิงอภิบาล ในขณะเดียวกันก็ถูกนำมาเสนออีกครั้งพร้อมด้วยความเร่งด่วนใหม่ เพราะจำนวนของผู้ที่ยังไม่รู้จักพระคริสตเจ้านั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้น “จำนวนผู้ที่กำลังรอคอยพระคริสตเจ้านั้นยังคงมีมากมายเหลือเกิน” บุญราศียอห์นปอล ที่ 2 ตรัสในสมณสาสน์ Redemptoris Missio ว่าด้วยความชอบธรรมแห่งการแพร่ธรรม และพระองค์ยังตรัสเพิ่มอีกว่า “เราไม่อาจที่จะหยุดนิ่งพอใจอยู่ได้ เมื่อเราเห็นว่าพี่น้องชายหญิงอีกจำนวนล้านๆคนของเรา ซึ่งก็ได้รับการไถ่กู้ด้วยพระโลหิตของพระคริสตเจ้าเช่นเดียวกับเรา แต่พวกเขายังคงดำเนินชีวิตอยู่ในความไม่รู้ถึงความรักของพระเจ้า” (ข้อ 86)  ในการประกาศปีแห่งความเชื่อข้าพเจ้าได้ลิขิตไว้เช่นเดียวกันว่า “วันนี้ก็เหมือนกับในอดีต พระคริสตเจ้าทรงส่งเราไปยังถนนหนทางของโลกเพื่อประกาศพระวรสารให้กับทุกคนในโลกนี้” (สมณลิขิต Porta Fidei n. 7)  การประกาศดังกล่าว เฉกเช่นที่เปาโลที่ 6 ผู้รับใช้พระเจ้าลิขิตไว้ในสมณสาสน์ Evangelii Nuntiandi “ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ให้เลือกจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่มันเป็นพระบัญชาจากพระคริสตเจ้าต่อบรรดาคริสตชนทุกคน เพื่อที่มนุษย์จะได้เชื่อและเอาชีวิตรอด  สาสน์นี้เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เป็นสาสน์พิเศษจำเพาะหนึ่งเดียว และไม่อาจเอาอะไรมาทดแทนได้ (ข้อ 5)  เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องค้นให้พบศรัทธาของการแพร่ธรรมนี้ให้ได้เฉกเช่นคริสตชนรุ่นแรกๆ ซึ่งถึงแม้จะเป็นชนกลุ่มเล็กๆและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ แต่ก็สามารถแพร่พระวรสารโดยอาศัยการประกาศและการเป็นประจักษ์พยานไปจนทั่วโลกเท่าที่รู้จักกันในสมัยนั้น

            ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่สังคายนาวาติกัน 2 และคำสั่งต่างๆจากพระศาสนจักรในเวลาต่อมาจึงเน้นหนักไปยังพระบัญชาแห่งการแพร่ธรรมเป็นพิเศษ ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงมอบให้ไว้กับอัครสาวก และต้องกลายเป็นหน้าที่สำหรับประชากรของพระเจ้า พระสังฆราช พระสงฆ์ อนุสงฆ์ นักบวชชายหญิง และฆราวาสทุกคน หน้าที่การประกาศพระวรสารไปทั่วทุกมุมโลกเป็นหน้าที่สำคัญประการแรกของพระสังฆราชซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบตรงในการประกาศพระวรสารสู่โลกทั้งในฐานะที่เป็นองค์คณะสงฆ์และในฐานที่เป็นนายชุมภาบาลของพระศาสนจักท้องถิ่น  ความจริงแล้วพวกเขา “ได้รับการอภิเษกไม่ใช้เพื่อสังฆมณฑลหนึ่งใดเป็นพิเศษ แต่เพื่อความรอดของโลกทั้งโลก” (สมณลิขิต Redemptoris Missio n. 20 ของยอห์น ปอล ที่ 2)   พวกเขาเป็น “ผู้ประกาศความเชื่อ ซึ่งนำศิษย์ใหม่มาให้พระคริสตเจ้า” เทียบ Ad Gentes n. 20) และทำให้ “จิตตารมณ์ธรรมทูตและศรัทธาแห่งประชากรของพระเจ้าเป็นที่ประจักษ์ได้ด้วยสายตา เพื่อที่ทั้งสังฆมณฑลจะได้กลายเป็นธรรมทูตไปด้วย” (ibid., n. 38)

การประกาศพระวรสารเป็นความสำคัญอันดับแรก 
              ดังนั้นพระบัญชาให้ต้องประกาศพระวรสารสำหรับนายชุมภาบาลไม่ได้จบลงแค่การเอาใจใส่ดูแลคนกลุ่มหนึ่งที่ตนได้รับมอบให้ดูแลหรือส่งพระสงฆ์หรือฆราวาสบางคนออกไปเป็นธรรมทูต  ในพระบัญชาจะต้องรวมกิจกรรรมทุกอย่างของพระศาสนจักร ทุกภาคส่วน พูดสั้นๆคือทุ่มเททั้งตัวและการทำงานทุกอย่างเพื่อการแพร่ธรรม  สังคายนาวาติกัน 2 พูดถึงเรื่องนี้ไว้ชัดเจนมากและในคำสั่งต่อๆมาก็ยืนยันประเด็นนี้อย่างเข้มแข็ง  สิ่งนี้ต้องการปรับเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งที่เกี่ยวกับแผนการอภิบาล ผังงานของสังฆมณฑล เพื่อให้สอดคล้องกันกับมิติของการเป็นพระศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกของเราที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว  ทั้งนี้รวมถึงสถาบันผู้ถวายตัวและสมาพันธ์ผู้แพร่ธรรมด้วย โดยไม่เว้นแม้กระทั่งคณะกิจกรรมต่างๆของพระศาสนจักร ทุกองค์กรทุกหน่วยงานของพระศาสนจักรต้องรู้สึกว่าตนถูกเรียกด้วยพระบัญชาของพระคริสตเจ้าให้ต้องประกาศพระวรสาร เพื่อที่พระคริสตเจ้าจะได้รับการประกาศ ณ ทุกที่ทุกแห่งหน  เราที่เป็นนายชุมภาบาล นักบวชชายหญิงและครัสตชนในพระ คริสตเจ้าควรที่จะเจริญตามรอยเท้าของนักบุญเปาโล ผู้ที่ “ในฐานะนักโทษเพื่อเห็นแก่พระเยซูคริสตเจ้าเพื่อเห็นแก่ชนต่างศาสนา”   (อฟ. 3: 1) ทำงานรับทุกข์ทรมาน และดิ้นรนต่อสู้เพื่อนำเอาพระวรสารไปสู่ปวงชน (เทียบ คส. 1: 24-29)   ท่านทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และทำทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ผู้คนได้รู้จักสาสน์ของพระคริสตเจ้า

               สำหรับยุคปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน  การประกาศพระวรสารสู่ชนต่างชาติจะต้องเป็นจุดเด่นและเป็นปัจจัยหนึ่งในความพยายามทุกอย่างของพระศาสนจักร  เพราะว่าความเป็นอัตลักษณ์ของพระศาสนจักรเกิดขึ้นได้ด้วยความเชื่อในรหัสธรรมของพระเจ้าผู้ทรงเผยพระองค์เองในองค์พระคริสตเจ้าเพื่อนำความรอดมาสู่เรา  และโดยอาศัยพันธกิจแห่งการเป็นประจักษ์พยานและการประกาศพระองค์แก่โลกจนกระทั่งถึงเวเลาที่พระองค์จะเสด็จมา  เฉกเช่นนักบุญเปาโลเราควรที่จะเอาใจใสต่อคนที่อยู่ห่างไกล ต่อคนที่ยังไม่รู้จักพระคริสตเจ้าหรือผู้ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับความเป็นบิดาของพระเจ้า โดยตระหนักดีว่า “ความร่วมมือในงานธรรมทูตนั้นหมายถึงรูปแบบใหม่ๆด้วย ซึ่งไม่ใช่เป็นแต่เพียงให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ด้วยการมีส่วนร่วมโดยตรงด้วย” ในการประกาศพระ    วรสาร (พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 สมณลิขิต Redemptoris Missio n. 82)   การเฉลิมฉลองปีแห่งความเชื่อและการประกาศพระวรสารแนวใหม่ของสมัชชาซีน็อดพระสังฆราชจะเป็นโอกาสดีที่จะเริ่มต้นการร่วมมือกันในงานธรรมทูตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติที่สองที่เพิ่งกล่าวไป

ความเชื่อกับการประกาศ
              ความกระตือรือร้นที่จะประกาศพระคริสตเจ้ากระตุ้นเราให้ต้องอ่านประวัติศาสตร์เพื่อจะได้เข้าใจปัญหา แรงบันดาลใจ และความหวังของมนุษย์ที่พระคริสตเจ้าต้องบำบัดเยียวยา ชำระล้าง และทำให้กิจกรรมทั้งมวลเปี่ยมด้วยการประทับอยู่ของพระองค์  สาสน์ของพระองค์นั้นตกเข้าไปอยู่ในหัวใจแห่งประวัติศาสตร์แต่ก็ทันสมัยอยู่เสมอ และสามารถตอบสนองต่อการแสวงหาอย่างไม่หยุดหย่อนแห่งหัวใจมนุษย์  เพราะเหตุนี้สมาชิกของพระศาสนจักรทุกคนต้องตระหนักให้ดีว่า “ขอบฟ้ากว้างใหญ่แห่งพันธกิจของพระศาสนจักรและความสลับซับซ้อนของสถานการณ์ปัจจุบันเรียกร้องวิธีการใหม่ๆที่จะช่วยสื่อพระวาจาของพระเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ” (เบเนดิกต์ ที่ 16 คำเตือนหลังสมัชชา Verbum Domini n. 97) สิ่งที่เรียกร้องเป็นประการแรกในที่นี้คือ ให้รื้อฟื้นการยึดมั่นในความเชื่อทั้งทางส่วนตัวและทางชุมชนในพระวรสารของพระเยซูคริสตเจ้า“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ เวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเช่นที่มนุษย์เรากำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้” (สมณลิขิต  Porta Fidei n. 8)
 
              ความจริงแล้วอุปสรรคประการหนึ่งต่อแรงกระตุ้นในการประกาศพระวรสารคือวิกฤตแห่งความเชื่อ ซึ่งไม่ใช่มีแต่ในโลกซีกตะวันตกเท่านั้น แต่เป็นวิกฤตต่อมนุษยชาติส่วนใหญ่ด้วย ซึ่งกำลังกระหายหิวพระเจ้า เราจะต้องเชิญพวกเขา นำพวกเขามาสู่ปังแห่งชีวิตและน้ำทรงชีวิตดุจหญิงชาวสะมาเรียผู้ซึ่งเดินไปที่บ่อน้ำของยาโกบและได้พบปะสนทนากับพระคริสตเจ้า  ตามที่นักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารได้เล่าไว้ ซึ่งเรื่องของสตรีผู้นี้มีความหมายสำคัญเป็นพิเศษ (เทียบ ยน. 4: 1-30) เธอพบพระคริสตเจ้าผู้ขอน้ำดื่มจากเธอ แต่แล้วพระองค์ก็ได้ทรงตรัสบอกเธอถึง “น้ำใหม่” ที่จะดับกระหายได้ตลอดไป  ซึ่งในตอนแรกสตรีผู้นั้นไม่เข้าใจ เธอเข้าใจได้ในระดับวัตถุเท่านั้น แต่พระคริสตเจ้าได้ค่อยๆนำเธอไปบนเส้นทางแห่งความเชื่อจนในที่สุดทำให้เธอทราบว่าพระองค์คือ พระผู้ไถ่  นักบุญเอากุสตีโนพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “หลังจากที่ต้อนรับพระคริสตเจ้าเข้าสู่หัวใจเธอแล้ว สตรีผู้นั้นจะทำอะไรได้นอกจากจะวางไหน้ำลงวิ่งกลับหมู่บ้านของตนและประกาศข่าวดี” (เทียบ Homily 15, 30)

                 การพบปะกับพระคริสตเจ้าในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระบุคคลทรงชีวิต ผู้ซึ่งดับความกระหายของดวงใจเรานั้นจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากจะจูงใจเราให้มีแรงปรารถนาที่จะแบ่งปันความชื่นชมยินดีแห่งการประทับอยู่ของพระองค์กับผู้อื่นและทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักสำหรับทุกคน เพื่อที่ทุกคนจะได้มีประสบการณ์ในความชื่นชมยินดีนี้ด้วย  ความจำเป็นที่จะต้องฟื้นฟูความกระตือรือร้นในการสื่อความเชื่อดังกล่าวเพื่อที่จะส่งเสริมการประกาศพระวรสารแนวใหม่สำหรับกลุ่มคริสตชนนี้รวมถึงประเทศคาทอลิกเก่าแก่ที่กำลังหลงลืมพระเจ้าด้วย เพื่อที่พวกเขาจะได้พบกับความชื่นชมยินดีแห่งความเชื่อเสียใหม่  ความห่วงใยในการประกาศพระวรสารจะต้องไม่จำกัดอยู่แค่ในแวดวงกิจกรรมของพระศาสนจักรและจะต้องไม่อยู่แค่ภายในชีวิตส่วนตัวของคริสตชนเท่านั้น  ตรงกันข้ามทุกคนต้องตระหนักเป็นอย่างดีว่าพวกเขานั่นแหละที่เป็นผู้ซึ่งพระวรสารมีจุดหมายที่จะเข้าให้ถึงในจิตใจและในขณะเดียวกันต้องตระหนักด้วยว่าพวกเขาคือธรรมทูตแห่งพระวรสารด้วย  แก่นของการประกาศจะคงเดิมเสมอไป นั่นคือความเป็นศูนย์กลางของพระคริสตเจ้าผู้ทรงสิ้นพระชนม์ชีพ และกลับเป็นขึ้นมาเพื่อไถ่กู้โลก พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทั้งชายและหญิงด้วยความรักอันหาขอบเขตมิได้จนส่งพระบุตรแต่พระองค์เดียวของพระองค์ลงมาบังเกิดในโลก ซึ่งได้แก่พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงไม่รังเกียจความยากจนแห่งธรรมชาติมนุษย์ ทรงรักมนุษย์ ไถ่กู้มนุษย์ให้รอดพ้นจากบาปและความตายโดยการมอบตนเองเป็นบูชาบนไม้กางเขน

                  ความเชื่อในพระเจ้า ซึ่งก็คือโครงการแห่งความรักซึ่งสำเร็จบริบูรณ์ในพระคริสตเจ้าเป็นพระพรและเป็นรหัสธรรมซึ่งเราต้องต้อนรับไว้ในชีวิตและในจิตใจของเราก่อนอื่นใด และเราจะต้องโมทนาคุณพระองค์เสมอ  ส่วนความเชื่อที่เป็นพระพรที่ประทานให้เราเพื่อที่จะแบ่งปันกับผู้อื่นนั้นเป็นของกำนัลที่เราได้รับเพื่อที่จะต้องทำให้บังเกิดผลจะต้องให้เป็นแสงสว่างที่เราจะต้องไม่ให้มีอะไรปิดกั้นมันไว้  แต่จะต้องให้เกิดเป็นแสงสว่างที่กระจายไปทั่วบ้าน พระพรนี้เป็นของขวัญที่มีความสำคัญมากที่สุดที่เราได้รับมาในชีวิตและเป็นของขวัญที่เราไม่อาจที่จะเก็บเอาไว้ตามลำพังได้

การประกาศกลายเป็นความรัก
“หากข้าพเจ้าไม่ประกาศข่าวดี ข้าพเจ้าย่อมได้รับความวิบัติ”   นักบุญเปาโลกกล่าว (1 คร. 9: 16)
                 คำพูดประโยคนี้ก้องกังวานดังมากสำหรับคริสตชนแต่ละคนและแต่ละชุมชนในทุกทวีป  การตระหนักดีถึงการแพร่ธรรมได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับพระศาสนจักรในดินแดนธรรมทูต ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นพระศาสนจักรใหม่ และพวกเขาเองก็ยังมีความต้องการธรรมทูตอยู่  พระสงฆ์และนักบวชชายหญิงจำนวนมากจากทุกภูมิภาคโลกรวมทั้งฆราวาสซึ่งบางครั้งทั้งครอบครัวเลยพากันทิ้งบ้านเมืองและชุมชนของตนเพื่อไปยังพระศาสนจักรอื่นในการเป็นประจักษ์พยานและในการประกาศพระนามของพระคริสตเจ้าซึ่งมนุษยชาติจะพบความรอดได้ในพระนามนี้  มันเป็นการแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างล้ำลึก ถึงการแบ่งปัน และถึงความรักท่ามกลางพระศาสนจักรต่างๆ เพื่อที่มนุษย์ชายหญิงทุกคนจะได้สดับฟังอีกครั้งหนึ่งกับคำประกาศที่ช่วยให้รอดและได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์อันเป็นบ่อเกิดแห่งชีวิตที่แท้จริง

                ด้วยเครื่องหมายสูงส่งแห่งความเชื่อที่เปลี่ยนไปเป็นความรักซึ่งสมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม(PMS)ได้ทำให้เป็นที่ประจักษ์  ซึ่งข้าพเจ้ารับทราบเป็นอย่างดี ข้าพเจ้าต้องขอขอบใจ สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS) ที่เป็นเครื่องมือแห่งความร่วมมือในงานแพร่ธรรมสากลของพระศาสนจักรทั่วโลก  อาศัยการร่วมใจร่วมแรงของพวกเขาการประกาศพระวรสารยังได้กลายเป็นกระบอกเสียงเพื่อเห็นแก่เพื่อนพี่น้อง เช่น การเรียกร้องความยุติธรรมสำหรับคนยากจน  การศึกษาในชนบทถิ่นทุรกันดาร การสาธารณะสุขในถิ่นที่ยากที่จะเข้าถึง  การช่วยผู้คนให้หลุดพ้นจากความยากจน  การฟื้นฟูชีวิตให้กับผู้ที่อยู่ชายขอบสังคม และการให้ความเคารพต่อชีวิตในทุกขั้นตอนเป็นต้น

                   พี่น้องที่รัก  ในโอกาสวันแพร่ธรรมสากลปีนี้ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนาวิงวอนพระจิตเพื่อผู้ที่ทำงานแพร่ธรรมเป็นพิเศษ เพื่อที่พระหรรษทานของพระเจ้าจะได้ทำให้พระจิตดำรงอยู่อย่างมั่นคงในประวัติศาสตร์โลก  ข้าพเจ้าใคร่ภาวนาพร้อมกับบุญราศียอห์น เฮนรี่ นิวแมนดังนี้ “ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทับอยู่กับบรรดาธรรมทูตของพระองค์ในดินแดนที่จะต้องได้รับการประกาศ โปรดประทานคำพูดที่เหมาะสมในปากของพวกเขาและโปรดทำให้การงานของพวกเขาบังเกิดผลด้วยเถิด”   ขอให้แม่พระ มารดาของพระศาสนจักรและดาราแห่งการแพร่ธรรมจงประทับอยู่กับธรรมทูตผู้ประกาศพระวรสารนทุกคนด้วยเทอญ

เบเนดิกต์ ที่ 16 
จากนครวาติกัน  วันที่ 6 มกราคม 2012
วันสมโภชการถวายพระกุมารในพระวิหาร


 

ผู้อํานวยการ PMS ประเทศไทย

คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี ผู้อํานวยการ สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS)ประเทศไทย
คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี
ผู้อํานวยการ
สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม
(PMS)ประเทศไทย


LINKS

www.ppoomm.v

http://www.catholicmission.org.au/http://www.missionsocieties.ca/www.pms-phil.orgwww.missio.org.mthttp://www.obrasmisionalespontificias.es/คณะธรรมทูตไทย

สถิติการเยี่ยมชม

14532010
Today
Yesterday
This Week
This Month
All days
405
867
2373
8605
14532010
Your IP: 18.222.182.105
2024-04-26 06:48