“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป" (เทียบ ลก 24:13-35) ....สารวันแพร่ธรรม ปี 2023....

สรุปสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ประจำปี 2013
“ความเชื่อต้องได้รับการแบ่งปันออกไป”
วันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล 2013

 
   ในสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ทรงเขียนเรื่องความเชื่อในพระคริสตเจ้าว่า “ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่ได้สงวนไว้สำหรับคนไม่กี่คน แต่ต้องมอบออกไปด้วยความใจกว้าง ทุกคนควรได้รับประสบการณ์ของความชื่นชมยินดีในการได้รับความรักจากพระเจ้า ความชื่นชมยินดีแห่งการช่วยให้รอดพ้น” ทรงเขียนว่า “ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่มีผู้ใดสามารถเก็บไว้สำหรับตนเองแต่เพียงผู้เดียว แต่ต้องได้รับการแบ่งปันออกไป ถ้าเราต้องการเก็บไว้สำหรับเราเองแต่เพียงผู้เดียว เราจะกลายเป็นคริสตชนที่โดดเดี่ยว เป็นหมัน และป่วย”


 
        วันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลในปีนี้ ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม 2013 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงมอบสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลให้ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2013 ซึ่งเป็นวัน “สมโภชพระจิตเจ้า” และสำนักวาติกันตีพิมพ์เมื่อ วันที่ 6 สิงหาคม 2013
 
         สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำว่า การเผยแพร่ความเชื่อเป็นหน้าที่ที่จำเป็นที่คริสตชนทุกคนต้องกระทำ “สังคายนาวาติกันที่สอง ได้เน้นถึงลักษณะพิเศษของงานธรรมทูตว่า การขยายขอบเขตของความเชื่อเป็นของทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป เป็นของชุมชนคริสตชนทุกแห่ง”
 
          พระองค์ยังทรงกล่าวอีกว่า “ บ่อยครั้งที่งานการประกาศข่าวดีมักจะพบกับอุปสรรคต่างๆ ไม่เพียงแต่อุปสรรคภายนอกเท่านั้น แต่จากภายในชุมชนพระศาสนจักรเองด้วย” “บางครั้งขาดความร้อนรน ความยินดี ความกล้า และความหวังในการประกาศสารของพระคริสตเจ้าให้กับทุกคน และในการให้ความช่วยเหลือกับผู้คนในสมัยของเราให้ได้พบปะกับพระองค์” พระองค์ทรงให้ความหนักแน่นกับความต้องการพลังในงานแพร่ธรรม อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงยืนยันว่า การประกาศข่าวดีไม่ควรใช้แรงกดดันหรือการบังคับ
 
            การประกาศข่าวดีเป็นงานของพระศาสนจักรที่ต้องอาศัยความร่วมมือกัน สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสอีกว่า “การประกาศข่าวดีไม่ใช่กิจการที่โดดเดี่ยวของแต่ละบุคคลหรือส่วนบุคคล แต่เป็นของพระศาสนจักรเสมอ”
 
            สารของสมเด็จพระสันตะปาปายังได้ให้คำอธิบายอย่างง่ายๆถึงความต้องการใน “การประกาศข่าวดีขึ้นใหม่” ว่า “มากยิ่งกว่านั้นอีก ในพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เป็นภูมิภาคของธรรมประเพณีคริสตชน จำนวนของคนแปลกหน้าทางความเชื่อ หรือผู้ไม่แยแสในมิติทางศาสนา หรือความเคลื่อนไหวของผู้มีความเชื่ออื่นๆมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น บ่อยครั้งที่ผู้ได้รับศีลล้างบาปแล้วเลือกวิถีการดำเนินชีวิตที่นำพวกเขาให้ออกห่างจากความเชื่อ จึงทำให้พวกเขาต้องการ “การประกาศข่าวดีขึ้นใหม่”
 
            ในขณะที่ “การประกาศข่าวดีขึ้นใหม่” นั้น ดำเนินไปในพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งมีคาทอลิกอยู่เป็นจำนวนมาก สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเตือนเราอีกด้วยว่า ยังมีส่วนต่างๆอีกมากมายในโลกที่ยังไม่เคยได้ยินสารของข่าวดีของพระเจ้า พวกเขาก็เช่นเดียวกันที่ต้องการการประกาศข่าวดี เช่นเดียวกับ “พระศาสนจักรที่ยังเยาว์” ที่ซึ่งความเชื่อพึ่งจะหยั่งรากลงไปไม่นานนัก
 
            สมเด็จพระสันตะปาปายังทรงให้ข้อสังเกตในหลายๆกรณีว่า “พระศาสนจักรที่ยังเยาว์เหล่านี้ก็ต้องมีส่วนร่วมอย่างไม่เห็นแก่ตัวในการส่งธรรมทูตไปยังพระศาสนจักรที่อยู่ในความยากลำบาก ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับพระศาสนจักรที่เป็นคริสตชนดั้งเดิม... และให้นำความสดใหม่และความกระตือรือร้นไปสู่ชีวิตความเชื่อของพวกเขา”
 
           ก่อนจบสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสได้ทรงนำเราให้มุ่งความสนใจไปยังบรรดาพี่น้องคริสตชนผู้มีชีวิตอยู่ในสังคมที่ถูกจำกัดในเรื่องของเสรีภาพในการนับถือศาสนา และบ่อยครั้งต้องได้รับความทุกข์ยากเพราะความเชื่อของพวกเขา “พวกเขาเป็นพี่น้องชาย-หญิงของเรา เป็นประจักษ์พยานที่กล้าหาญ... แม้กระทั่งมีมรณสักขีมากขึ้นกว่าในศตวรรษแรกๆ... เป็นผู้ที่อดทนในการทำงานแพร่ธรรมกับรูปแบบต่างๆของการถูกเบียดเบียนในปัจจุบัน”
 
ประโยคสำคัญจากสารวันวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล 2013
 
            • “ความเชื่อเป็นพระพรอันประเสริฐของพระเจ้า ซึ่งเปิดจิตใจของเราให้รู้จัก และรักพระองค์ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์กับเรา และทรงยอมให้เรามีส่วนร่วมในชีวิตของพระองค์เพื่อที่จะทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้น ดีขึ้น และงดงามมากขึ้น พระเจ้าทรงรักเรา”
 
            • “ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่ได้สงวนไว้สำหรับคนไม่กี่คน แต่ต้องมอบออกไปด้วยความใจกว้าง ทุกคนควรได้รับประสบการณ์ของความชื่นชมยินดีในการได้รับความรักจากพระเจ้า ความชื่นชมยินดีแห่งการช่วยให้รอดพ้น ความเชื่อเป็นพระพรที่ไม่มีผู้ใดสามารถเก็บไว้สำหรับตนเองแต่เพียงผู้เดียว แต่ต้องได้รับการแบ่งปันออกไป”
 
              • “จำเป็นที่จะต้องประกาศข่าวดีของพระคริสตเจ้าด้วยความกล้าหาญในความเป็นจริงทั้งหมด ซึ่งเป็นสารแห่งความหวัง การคืนดี ความเป็นหนึ่งเดียวกัน และการประกาศความใกล้ชิดของพระเจ้า ของพระเมตตาของพระองค์ และการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ ประกาศว่าอำนาจความรักของพระเจ้าสามารถเอาชนะความมืดของความชั่วร้าย และนำเราไปสู่หนทางแห่งคุณความดี มนุษยชาติในสมัยของเรามีความต้องการความสว่างที่เชื่อถือได้เพื่อส่องสว่างหนทางแห่งความเชื่อ และเฉพาะในการพบปะกับพระคริสตเจ้าเท่านั้นที่สามารถให้ได้ ให้เรานำไปให้โลก โดยผ่านทางการเป็นประจักษ์พยานของเรา ด้วยความรัก ความเชื่อที่ให้ความหวัง”

ผู้อํานวยการ PMS ประเทศไทย

คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี ผู้อํานวยการ สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS)ประเทศไทย
คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี
ผู้อํานวยการ
สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม
(PMS)ประเทศไทย


LINKS

www.ppoomm.v

http://www.catholicmission.org.au/http://www.missionsocieties.ca/www.pms-phil.orgwww.missio.org.mthttp://www.obrasmisionalespontificias.es/คณะธรรมทูตไทย

สถิติการเยี่ยมชม

14527694
Today
Yesterday
This Week
This Month
All days
114
422
1300
4289
14527694
Your IP: 18.222.39.205
2024-04-18 08:03