นิมิตเพื่อการแพร่ธรรม
                เมื่ออายุ 15 ปี เธอได้รับความทุกข์ทรมานจากการตกลงมาจากเก้าอี้ ที่พยายามปีนหยิบของบนหลังตู้ ทำให้หลังกระแทกพื้น กลายเป็นอัมพาต และไม่นาน หลังจากนั้น มารดาของเธอก็เสียชีวิต เปาลีนต้องใช้เวลาหลายเดือน เพื่อทำให้ทั้งอารมณ์และร่างกายคืนสภาพเดิม เมื่อทำได้แล้ว เธอกลับคืนมาสู่ชีวิตทางสังคมอีกครั้ง แต่ด้วยความสุขที่น้อยกว่าก่อน เธอบันทึกไว้ว่า หัวใจของเธอเวลานี้ คือ “สำหรับโลกทั้งโลก ถ้าเพียงฉันสามารถรักโดยไม่มีขอบเขต และโดยไม่มีสิ้นสุด”

             เธอเริ่มปรารถนาที่จะช่วยงานแพร่ธรรมในประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา ความปรารถนานี้ได้รับการสนับสนุนจากฟีเลอัส พี่ชายของเธอ ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อเป็นพระสงฆ์ และเป็นผู้ที่บอกเปาลีนทุกอย่างเกี่ยวกับงานและการเป็นประจักษ์พยานของบรรดาธรรมทูต

              เปาลีนมองว่า สิ่งนี้คือกระแสเรียกของเธอ คือ การกลายเป็นธรรมทูตเพื่อความรักต่อพระเจ้า เธอเชื่อว่า “การช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง คือการนำพวกเขาไปหาพระเจ้า”

             เมื่อเปาลีนอายุได้ 18 ปี วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังสวดภาวนาเธอเห็นนิมิต มีตะเกียงสองดวง ตะเกียงดวงหนึ่งมีน้ำมันเต็ม อีกดวงหนึ่งไม่มี ตะเกียงที่ไม่มีน้ำมันดูดน้ำมันจากตะเกียงที่มี สำหรับเปาลีน เธอคิดว่า ตะเกียงที่น้ำมันแห้งนั้นหมายถึงความเชื่อในประเทศฝรั่งเศสอันเป็นบ้านเกิดของเธอ ยังคงสั่นคลอน จากความวุ่นวายของการปฏิวัติฝรั่งเศส ตะเกียงที่มีน้ำมันเต็มคือความเชื่อที่เข้มแข็งของคริสตชนในแดนมิสซัง โดยเฉพาะในแถบโลกใหม่ เธอเชื่อว่า สักวันหนึ่ง ยุโรปเป็นต้นประเทศฝรั่งเศสจะได้รับความเชื่อกลับมาโดยคำภาวนา และกิจกรรมที่ดีงามของผู้ที่กลับใจในประเทศต่างๆ อันเกิดจากผลงานของยุโรป

            ดังนั้น เธอจึงเสนอแผนที่จะสนับสนุนบรรดาธรรมทูต เธอรวบรวมคนงานในโรงงานทอผ้าไหมของครอบครัวของเธอให้มี “วงละ 10 คน” ทุกคนในกลุ่มให้สัญญาว่าจะสวดภาวนาทุกวัน และทุกสัปดาห์ จะมอบเงินหนึ่งเพ็นนี สมาชิกแต่ละคนของกลุ่มไปหาเพื่อนเพิ่มอีก 10 คน และกระทำเช่นเดียวกัน

            ถึงแม้ได้รับการคัดค้านจากคุณพ่อเจ้าอาวาสของเมืองลีอองส์ แต่เปาลีนยังมีความตั้งใจที่มั่นคง ภายในหนึ่งปี เธอมีคนงานที่ลงทะเบียนไว้ 500 คน และในไม่ช้าจะเป็น 2000 คน

             เมื่อยังเด็ก เปาลีนมีความฝันที่อยากจะทำให้เป็นความจริง เช่น ให้การสนับสนุนงานแพร่ธรรม “โอ ! ฉันอยากจะมีบ่อทองบ่อหนึ่ง เพื่อจะได้แบ่งได้แบ่งให้กับทุกคนที่โชคร้าย เพื่อจะได้ไม่มีคนยากจนอีกต่อไป และจะไม่มีใครร้องไห้อีกต่อไป”

            ความพยายามของเปาลีนประสบความสำเร็จ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ถูกแยกอยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือไม่เหมือนใคร เป็นแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้ง องค์กรเผยแพร่ความเชื่อ เธอเป็น “ไม้ขีดที่จุดไฟ” แต่มีการดิ้นรนอย่างหนึ่ง ซึ่งเหมือนกับการริเริ่มใหม่ๆ โดยทั่วไป คือการควบคุมสิ่งที่กำลังกลายเป็นแหล่งที่มาของความเข้มแข็ง และความหวังของการแพร่ธรรมของพระศาสนจักรอย่างรวดเร็ว ในจุดหนึ่งนั้น เปาลีนถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วม และเธอดิ้นรนเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจให้เธอตั้งนั้นมีความเคลื่อนไหว และจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่เพื่อชีวิต ในปี 1963 คือหลังจากเธอสิ้นชีวิตไปแล้ว 100 ปี สมเด็จพระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ทรงลงพระนามในพระราชกฤษฏีกา ประกาศถึงคุณธรรมของเธอ ด้วยการประกาศให้เธอเป็น “ผู้น่าเคารพ” ทรงบันทึกไว้ว่า “เป็นเธอที่เป็นผู้คิดถึงสังคม เป็นเธอที่มีความคิดนี้ และกระทำให้การจัดการนี้เป็นความจริงขึ้นมา”

             นิมิตของเปาลีนเรื่องตะเกียงสองดวงยังคงถูกต้อง ความเชื่อที่มีชีวิตชีวาประเทศมิสซังเป็นแรงบันดาลใจ และทำให้ความเชื่อของเราที่เป็นบ้านเกิดได้มีความลึกซึ้งขึ้น