“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป" (เทียบ ลก 24:13-35) ....สารวันแพร่ธรรม ปี 2023....

บทที่ 14 เครื่องมือและมาตรการเพื่อฟื้นฟูการประกาศข่าวดีขึ้นใหม่

1.จุดประสงค์
     1. เพื่อให้สมาชิกได้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือและมาตรการเพื่อประกาศข่าวดีใหม่
     2. เพื่อให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการประกาศข่าวดีในโรงเรียน ในวัด และในชุมชนของตน
     3. เพื่อให้สมาชิกวางแผนเพื่อการประกาศข่าวดีในห้องเรียน ในโรงเรียน ในวัด และในชุมชนของตน

การสร้างบรรยากาศ จุดประสงค์ และการรายงานการประชุมและการเงิน
    1. สร้างบรรยากาศ ด้วยการร้องเพลงของสมณองค์กรยุวธรรมทูต ชุด เพื่อนช่วยเพื่อน 1 เพลง
    2. ภาวนาเริ่มการประชุม ฝึกให้สมาชิกภาวนาด้วยท่าทีที่ถูกต้องและภาวนาอย่างตั้งใจ เช่น เชิญชวนให้ก้มศีรษะ
    3. เกริ่นนำถึงจุดประสงค์ คือสิ่งที่เราจะเรียนรู้ในวันนี้  ดังนั้นในการประชุมแต่ละครั้ง ผู้นำควรชี้ให้สมาชิกเห็นประเด็นที่สำคัญ ให้เด็ก ๆ สามารถจดจำ และนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
    4. รายงานการประชุมและการเงิน จากการประชุมในครั้งที่ผ่านมา

2. ประสบการณ์          
  
1. ให้สมาชิกจับกลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน และยืนในที่กำหนด
    2. ขออาสาสมัคร 1 คนจากกลุ่มแยกออกมายืนด้านหน้า จากนั้นแจกผ้าปิดตาให้กับสมาชิกทุกคนที่ยืนอยู่ในแถว ยกเว้นอาสาสมัครที่แยกออกมาจากกลุ่มไม่ต้องปิดตา
    3. ระหว่างที่สมาชิกกำลังปิดตา ให้ผู้นำหรือพี่เลี้ยง นำเก้าอี้ หรือสิ่งของมาวางเป็นเครื่องกีดขวางระหว่างทาง
    4. เมื่อปิดตาเรียบร้อยแล้ว ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มจับไหล่กันต่อเป็นแถว เมื่อได้ยินสัญญาณให้แต่ละกลุ่มเดินไปยังเป้าหมาย  โดยให้อาสาสมัครของแต่ละกลุ่มเป็นคนคอยบอกทางเพื่อให้ถึงเป้าหมายอย่างปลอดภัย โดยห้ามโดนเครื่องกีดขวางที่วางอยู่ตามทาง
    5. เมื่อทุกกลุ่มเข้าเส้นชัยแล้ว ให้ถามความรู้สึกทั้งคนที่ปิดตาและคนที่คอยบอกเพื่อนว่ารู้สึกอย่างไร ในขณะที่เล่นกิจกรรมนี้ และมีบทสอนอะไรบ้าง
    6. จากนั้นให้สรุปคำสอนจากกฤษฎีกา


3. คำสอนธรรมทูต  
    
       กฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ของพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทย คริสตศักราช 2015 ข้อที่ 34 และ 35 ได้เน้นการทำงานเพื่อให้การประกาศข่าวดีบังเกิดผลดี ด้วย “การทำงานเป็นทีมและเครือข่าย” และ “การใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อการอภิบาลและการประกาศข่าวดี

เรื่องการทำงานเป็นทีมและเครือข่าย
       ทั้งนี้เพราะพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยตระหนักว่า การทำงานเป็นทีมและเครือข่ายมีความสำคัญอย่างยิ่ง พระศาสนจักรต้องสร้างเครือข่ายในชุมชนวัดโดยอาศัยองค์กรต่าง ๆ บูรณาการประสานเครือข่ายเพื่อเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกันในการปฏิบัติพันธกิจร่วมกันของพระศาสนจักรทุกระดับ ทั้งระดับวัด ระดับสังฆมณฑล และระดับสภาพระสังฆราชฯ การปฎิบัติพันธกิจของพระศาสนจักร จำเป็นต้องประสานสัมพันธ์ด้วยการร่วมมือ สนับสนุน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  เพื่อประสิทธิผลของงานและความน่าเชื่อถือ เรื่องการใช้เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อการอภิบาลและการประกาศข่าวดี

    พระศาสนจักรตระหนักดีว่า เทคโนโลยีและการสื่อสารเป็นของประทานจากพระเจ้า เป็นเครื่องมือเพื่อรับใช้การประกาศข่าวดี ทุกภาคส่วนของพระศาสนจักรจึงต้องสนใจและเข้าใจที่จะใช้สื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อใหม่ (New Media) เพื่อการอภิบาลและการประกาศข่าวดี ขณะเดียวกัน สื่อสังคมยังทำให้เกิดชุมชนในรูปแบบเครือข่ายสังคมที่กว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้น สมาชิกของพระศาสนจักรต้องเรียนรู้ เข้าใจ และใช้โอกาสที่เปิดกว้างนี้เพื่อเป็นประโยชน์ในการอภิบาล การประกาศข่าวดี และรับการถ่ายทอดความเชื่อและชีวิตจิต

    พระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศไทยต้องสร้างบุคลากรที่มีความพร้อมในการสร้าง บริหารจัดการ ใช้สื่อเพื่อการประกาศข่าวดี สามารถเข้าถึงทุกคนในแต่ละกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล พระศาสนจักรต้องเดินเคียงข้างกับประชากร เป็นมโนธรรม เป็นผู้นำ และผู้สอนให้พวกเขาเข้าใจและเข้าถึงสื่อต่าง ๆ อย่างมีสติ ชาญฉลาดและรอบคอบ

สื่อศึกษา (Media Education)
    เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่ต้องได้รับการส่งเสริมให้คริสตชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ๆและเยาวชน มีความเข้าใจ รู้จักเลือกรับหรือปฏิเสธเนื้อหาที่ถูกนำเสนอผ่านทางสื่อ ขณะเดียวกัน บรรดาเด็ก ๆ และเยาวชน จะต้องสามารถใช้สื่อสังคมที่พวกเขาใช้เป็นประจำตลอดเวลา เพื่อประกาศข่าวดีได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดยังคงได้แก่ การสื่อด้วยชีวิตที่เป็นประจักษ์พยานพระวรสาร

4. พระคัมภีร์และการไตร่ตรอง
      ให้สมาชิกศึกษาพระคัมภีร์จากบทจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม (รม. 12:3-8)
        “เดชะพระหรรษทานที่ข้าพเจ้าได้รับ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับท่านแต่ละคนว่า อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แต่จงคิดให้ถูกต้อง ว่าพระเจ้าประทานความเชื่อให้แต่ละบุคคลมากน้อยต่างกัน  เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน  และส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด  แม้เราจะมีจำนวนมาก  เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น   โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้  ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา

คำถามเพื่อการไตร่ตรอง (อาจจะยากสักนิด ผู้นำต้องช่วยให้เด็กได้ฝึกไตร่ตรองด้วย)
1) พระคัมภีร์ตอนนี้สรุปสาระสำคัญได้ว่าอย่างไร (เราแต่ละคนมีพระพรหรือความสามารถที่แตกต่างกันพระพรต่าง ๆ มีไว้เพื่อรับใช้ส่วนรวม)
2) เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไร (ตระหนักถึงความสำคัญของตนเองมากขึ้น ในเวลาเดียวกันก็เห็นความสำคัญของผู้อื่นด้วยเช่นกัน)
3) เมื่อได้อ่านเรื่องนี้แล้วได้รับประโยชน์อะไรบ้าง (จำเป็นที่เราต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ)
4) ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องนี้จะมีผลเสียอย่างไรบ้าง (เราจะอยู่แบบเดิม ไม่สำนึกถึงความร่วมมือหรือการทำงานเป็นทีม)
5) เราแต่ละคนมีอะไรต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เป็นไปตามที่พระคัมภีร์สอนเราหรือไม่ อย่างไร (ต้องให้ความร่วมมือกับผู้อื่นมากขึ้น....)
6) การเรียนรู้เรื่อง เครื่องมือและมาตรการเพื่อฟื้นฟูการประกาศข่าวดีขึ้นใหม่ และการอ่านพระคัมภีร์ (รม. 12:3-8) ทำให้เรารู้จักพระเจ้าของเรามากขึ้นอย่างไร (พระเจ้าพระทัยดี ให้ความสำคัญแก่ทุกคน ทุกคนเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการสร้างพระอาณาจักรของพระองค์ ด้วยการดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ที่ดีของพระคริสต์ และร่วมมือกันประกาศข่าวดีด้วยใจร้อนรน)


5. ชีวิตจิตธรรมทูต

ผู้นำ  นำการภาวนาสายประคำธรรมทูต โดยการสวดบทวันทามารีย์ 10 บท
1. เพื่อให้ทุกคนใช้พระพรที่ได้รับเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม ทำงานเป็นทีม และใช้เครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เพื่อการประกาศข่าวดี
2. ภาวนาตามพระประสงค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่องานแพร่ธรรม

6. ธรรมทูตที่เป็นหนึ่งเดียวกัน (ชีวิตกลุ่ม)
1.  ให้สมาชิกได้พักสักครู่
2.  รับประทานอาหารว่างร่วมกัน (โดยผู้นำอาจเตรียมขนม นมกล่อง ไว้เพื่อแจกสมาชิก)

7. ธรรมทูตรับใช้ (ปฏิบัติ)
     1) รายงานกิจการดีที่สมาชิกแต่ละคนได้ตั้งใจกระทำ จากการพบปะในครั้งที่ผ่านมา
     2) ให้สมาชิกประชุมกันว่าจะประกาศข่าวดีด้วยการกระทำ 1 อย่าง ที่สอดคล้องกับเนื้อหาที่ได้เรียนรู้ไปและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของเขา (ให้เลขาจดบันทึกไว้เพื่อการรายงานในการพบปะครั้งต่อไป)
     3) ให้สมาชิกถวายเงินเล็กน้อยเพื่อนำไปช่วยเหลือเด็กที่มีความยากลำบากกว่าตนเอง (เตรียมกระปุกออมสินของกลุ่มไว้เพื่อใส่เงิน)
     4) นัดหมายการพบปะครั้งต่อไป

8. ภาวนาปิด
บทภาวนาวอนขอพระพรเพื่อเข้าใจ รัก และดำเนินชีวิต ตามกฤษฎีกาสมัชชาใหญ่ฯ ค.ศ. 2015
“ศิษย์พระคริสต์เจริญชีวิตประกาศข่าวดีใหม่”

::::: Download บทภาวนา :::::

LINKS

www.ppoomm.v

http://www.catholicmission.org.au/http://www.missionsocieties.ca/www.pms-phil.orgwww.missio.org.mthttp://www.obrasmisionalespontificias.es/คณะธรรมทูตไทย

สถิติการเยี่ยมชม

14519917
Today
Yesterday
This Week
This Month
All days
73
186
430
4939
14519917
Your IP: 35.168.113.41
2024-03-19 09:18