“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป" (เทียบ ลก 24:13-35) ....สารวันแพร่ธรรม ปี 2023....

สารสมเด็จพระสันตปาปาฟรังซิส
ในโอกาสวันแพร่ธรรมสากล ประจำปี 2018
“พร้อมกับเยาวชน ให้เราประกาศข่าวดีสู่ปวงชน”
(Together with young people, let us bring the Gospel to all)

“พร้อมกับเยาวชน ให้เราช่วยกันนำข่าวดีไปสู่ปวงชน”
          บรรดาเยาวชนที่รัก พ่อขอไตร่ตรองเรื่องพันธกิจที่เราได้รับมาจากพระคริสตเจ้าพร้อมกับลูก ๆ พ่อขอถือโอกาสที่กำลังพูดกับลูกอยู่นี้  ให้ถือว่าพ่อพูดคุยกับคริสตชนที่เจริญชีวิตในฐานะที่เป็นบุตรของพระเจ้า     ในพระศาสนจักรทั่วทุกคนด้วย สิ่งที่ทำให้พ่ออยากพูดกับทุก ๆ คนไปด้วย ในขณะที่สนทนากับพวกลูก นั่นคือความมั่นคงแน่นอนว่า ความเชื่อคริสตชนยังคงมีชีวิตชีวาแบบวัยรุ่นอยู่เสมอ เมื่อเราเปิดรับพันธกิจที่พระคริสตเจ้าทรงมอบให้กับเรา “การแพร่ธรรมทำให้ความเชื่อกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา” (RM 2) พระดำรัสของนักบุญจอห์น ปอล ที่ 2 สมเด็จพระสันตะปาปา ผู้ทรงรักและมีความห่วงใยบรรดาเยาวชนอย่างใหญ่หลวง

          สมัชชาที่จะจัดขึ้นที่กรุงโรมในเดือนตุลาคมซึ่งเป็นเดือนแห่งการแพร่ธรรมนี้ ด้วยแสงสว่างแห่งความเชื่อ จะเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้เข้าใจมากขึ้นถึงพระประสงค์ของพระเยซูเจ้า ว่าพระองค์ต้องการที่จะตรัสอะไรกับพวกท่านที่เป็นเยาวชน และโดยผ่านทางบรรดาเยาวชน ก็จะไปถึงชุมชนคริสตชนทั่วไป 

 

ชีวิตคือการแพร่ธรรม

          ทุกคนทั้งชายและหญิงคือการแพร่ธรรม:  นี่คือเหตุผลของการมีชีวิตของเราในโลกนี้ การกระตุ้น ความสนใจและการถูกส่งออกไป เป็นความพยายามสองอย่างของหัวใจเรา ที่ทำให้เรารู้สึกถึงพลังแห่งความรักภายใน โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นวัยรุ่น จะรู้สึกถึงพลังแห่งความรักที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในจิตใจมากเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงเป็นพวกเขานี่แหละ ที่มีความหมายสำคัญต่ออนาคตและทิศทางชีวิตของเรา เพราะเยาวชนเป็นวัยที่มีพลังแห่งชีวิตและแรงดึงดูดใจมากกว่าพวกเรา สิ่งที่ท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ความรับผิดชอบของพวกเราที่จะทำให้ผู้คนในโลกมีชีวิตอยู่อย่างมีความชื่นชมยินดี พ่อตระหนักดีถึงความสว่างและความมืดของเยาวชน เมื่อพ่อคิดย้อนกลับไปถึงครอบครัวของพ่อและถึงสมัยที่พ่อยังเป็นวัยรุ่น พ่อจำได้ถึงพลังแห่งความหวังของพ่อเพื่อที่จะมีอนาคตที่ดีขึ้น จากความจริงที่ว่าเราไม่ได้มาอยู่ในโลกนี้ด้วยการเลือกของเราเอง ทำให้เราสำนึกได้ว่า มีอะไรบางอย่างที่ได้ริเริ่มล่วงหน้าเรามา และทำให้เราดำรงอยู่ เราแต่ละคนได้รับการเรียกให้ไตร่ตรองถึงความจริงนี้ “ข้าพเจ้าเองเป็นพันธกิจบนแผ่นดินนี้ และเพื่อสิ่งนี้ ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ในโลกนี้” (EG 273)

 

เราประกาศพระเยซูคริสตเจ้า

          ด้วยการประกาศสิ่งที่ได้รับมาโดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนประการใดเลย (เทียบ มธ 10:8; กจ 3:6) พระศาสนจักรจึงสามารถแบ่งปันกับเยาวชน ถึงหนทางและความจริงที่ทำให้ชีวิตเราบนโลกนี้มีความหมาย พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพเพื่อเรา ทรงขออิสรภาพของเราและท้าทายเรา   ให้แสวงหา ค้นพบ และประกาศสารแห่งความจริงนี้และทำให้บรรลุผล บรรดาเยาวชนที่รัก จงอย่ากลัว     พระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์  เพราะเราสามารถพบขุมทรัพย์ที่ช่วยเติมเต็มความชื่นชมยินดีในชีวิตของเราได้จากพระองค์และพระศาสนาจักรของพระองค์  พ่อกล้าที่จะพูดได้ เพราะมันมาจากประสบการณ์ของพ่อเอง ขอบคุณในความเชื่อที่ทำให้พ่อมีรากฐานมั่นคงในความฝัน และมีความเข้มแข็งในการตระหนักชัดถึงสิ่งเหล่านี้ พ่อมองเห็นความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสและความยากจนใหญ่หลวง ที่ทำให้ใบหน้าของพี่น้อง ชาย-หญิงของเราจำนวนมากมัวหมอง แต่สำหรับผู้ที่ยืนอยู่เคียงข้างพระเยซูเจ้า ความชั่วร้ายจะกลายเป็นแรงจูงใจให้เกิดความรักมากยิ่งขึ้น มีชาย-หญิงและเยาวชนหลายต่อหลายคน ได้เสียสละตนเองด้วยความใจกว้าง แม้กระทั่งยอมเป็นมรณสักขี เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงความรักต่อข่าวดี และเพื่อรับใช้พี่น้องชาย-หญิง      ของพวกเขา จากไม้กางเขนของพระเยซูเจ้า เราเรียนรู้เหตุผลของการเสียสละตนเองของพระเจ้า (เทียบ 1คร 1:17-25) เป็นการประกาศข่าวดีเพื่อชีวิตของโลก (เทียบ ยน 3:17-25) เป็นการลุกเป็นไฟด้วยความรักของ  พระคริสตเจ้า คือการถูกเผาผลาญด้วยไฟแห่งความรักนี้ เติบโตขึ้นด้วยความเข้าใจด้วยแสงแห่งความรักและเป็นความอบอุ่นด้วยความรักนี้ (เทียบ 2 คร 5:14) ด้วยแบบเรียนและแบบอย่างจากบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่เปิดขอบเขตอันกว้างใหญ่ของพระเจ้าให้กับเรา พ่อขอเชิญพวกท่านให้อย่าหยุดความประหลาดใจว่า “พระคริสตเจ้าจะทรงทำอย่างไร หากพระองค์ทรงอยู่ในสถานการณ์ของฉัน”

 

ถ่ายทอดความเชื่อไปจนสุดปลายแผ่นดิน      

          เพื่อน ๆ เยาวชน พวกท่านก็เช่นกัน โดยทางศีลล้างบาปพวกท่านได้กลายเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร เราได้รับพันธกิจให้นำข่าวดีไปให้กับทุกคน พวกท่านอยู่ในจุดเริ่มต้นของชีวิต เพื่อเติบโตในพระหรรษทานแห่งความเชื่อที่เราได้รับ ผ่านทางศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ของพระศาสนจักร จะผลักดันเราเข้าไปในกระแสแห่งการเป็นประจักษ์พยานที่สืบต่อมารุ่นแล้วรุนเล่า ช่วยให้ปรีชาญาณและประสบการณ์ของผู้สูงอายุกลายเป็นประจักษ์พยาน และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังมุ่งสู่อนาคตด้วยความสดใหม่ และความกระตือรือร้นของเยาวชน จะทำให้พวกเขากลายเป็นแหล่งสนับสนุนและความหวังของกลุ่มผู้ที่เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว  โดยการผสมผสานกันระหว่างผู้มีช่วงชีวิตที่แตกต่างกันนี้ พันธกิจของพระศาสนจักรก็จะสามารถเชื่อมโยงจากคนรุ่นหนึ่ง ไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไปได้อย่างต่อเนื่อง ความเชื่อในพระเจ้าของเราและความรักต่อเพื่อนพี่น้องเป็นแหล่งของความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างลึกซึ้ง

          การถ่ายทอดความเชื่อนี้ เป็นหัวใจของพันธกิจของพระศาสนจักร เกิดขึ้นด้วยการแพร่กระจายเชื้อแห่งความรัก และด้วยเชื้อแห่งความรักนี้ ก็กลายเป็นความชื่นชมยินดีและความกระตือรือร้นที่ช่วยเติมเต็ม และทำให้ชีวิตมีความหมายแบบใหม่ การเผยแพร่ความเชื่อ “ด้วยการดึงดูดความสนใจ” เรียกร้องให้หัวใจเปิดออกและขยายออกด้วยความรัก เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะกำหนดขอบเขตของความรัก เพราะความรักแข็งแรงเหมือนความตาย (เทียบ พซม 8:6) การแพร่กระจายเชื้อแห่งความรักนี้ จะก่อให้เกิดการพบปะ การเป็นประจักษ์พยาน และการประกาศ  อีกทั้ง ยังก่อให้เกิดการแบ่งปันกันด้วยความรักและความเมตตากับทุกคนที่อยู่ห่างไกลจากความเชื่อ ผู้เฉยชาต่อความเชื่อ และบางทีผู้ที่เป็นแม้กระทั่งเป็นศัตรูและต่อต้านความเชื่อ

มนุษย์ วัฒนธรรม และศาสนาที่ยังคงจัดว่าไม่เกี่ยวข้องกับข่าวดีของพระเยซูเจ้า และศีลศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ของพระศาสนจักรแสดงให้เห็นถึงขอบเขตไกลสุด “จนสุดปลายแผ่นดิน” นับตั้งแต่วันปัสกาแรก บรรดาศิษย์ธรรมทูตของพระเยซูเจ้าได้ถูกส่งออกไป ด้วยความมั่นใจว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอยู่กับพวกเขาตลอดไป(เทียบ มธ 28:20; กจ 1:8) นี่คือสิ่งที่เรียกว่าการแพร่ธรรมสู่นานาชาติ (missio ad gentes) ขอบเขตที่อ้างว้างที่สุดของมนุษยชาติคือที่ที่ต้องการพระคริสตเจ้า ความเมินเฉยต่อความเชื่อ หรือการแสดงความเกลียดชังต่อความสมบูรณ์ของชีวิตในพระคริสตเจ้า ความยากจนทางด้านวัตถุและด้านจิตใจทั้งหลาย ทุกรูปแบบของการแบ่งแยกต่อต้านพี่น้องชาย-หญิงของเรา เป็นผลมาจากการปฏิเสธพระเจ้าและความรักของพระองค์

          เยาวชนที่รัก ปัจจุบันนี้ ทุกอย่างสามารถเชื่อมโยงกันได้หมด แม้จะอยู่ปลายสุดของแผ่นดินโลกโลกแห่งดิจิตัลและโซเชียลเน็ตเวิร์ค แพร่หลายไปทั่วทุกหัวระแหง  และมีให้ใช้ได้ทั่วไป  ทำให้แผ่นดินในโลก  ไร้พรมแดน ย่นระยะทาง และลดความแตกต่าง ทุกอย่างดูเหมือนเห็นได้ใกล้และรวดเร็วทันใจ กระนั้นก็ดี มันก็ยังขาดของขวัญอันจริงใจแห่งชีวิต ทั้ง ๆ ที่เราสามารถติดต่อกับผู้คนนับไม่ถ้วน แต่เราไม่เคยพูดคุยแบ่งปันชีวิตที่แท้จริงของเรา การมีส่วนร่วมและแบ่งปันกันในพันธกิจไปจนสุดปลายแผ่นดินนั้น เรียกร้องการมอบตนเองเพื่อกระแสเรียกที่พระเจ้าทรงให้เรามาอยู่ในโลกนี้ กระแสเรียกที่พระองค์ทรงเลือกไว้ที่จะมอบให้เรา (เทียบ ลก 9:23-25) พ่อกล้าพูดได้ว่า สำหรับเยาวชนชายหรือหญิงผู้หนึ่งที่ปรารถนาที่จะติดตามพระคริสตเจ้า สิ่งสำคัญที่สุดคือการแสวงหา การค้นพบ และความพากเพียรอดทนต่อกระแสเรียกของตน

ประจักษ์พยานแห่งความรัก

          พ่อรู้สึกขอบคุณทุก ๆ กลุ่มในพระศาสนจักร ที่ช่วยให้เยาวชนมีโอกาสได้พบกับการมีชีวิตของพระคริสตเจ้าในพระศาสนจักรของพระองค์ อาทิ บรรดาวัดในสังฆมณฑล สมาคม ชมรมและคณะกรรมการของวัด กลุ่มองค์กรต่าง ๆ คณะนักบวช ชมรมทางด้านศาสนา ตลอดจนการแสดงออกถึงการรับใช้อย่างหลากหลายของบรรดาผู้แพร่ธรรม เยาวชนจำนวนมากพบว่าการเป็นอาสาสมัครแพร่ธรรมเป็นวิธีการทำงานอย่างหนึ่งเพื่อรับใช้ “ผู้ต่ำต้อย” ของพี่น้องชาย-หญิงของเรา (เทียบ มธ 25:40) เป็นการส่งเสริมศักดิ์ศรีของมนุษย์ เป็นประจักษ์พยานถึงความชื่นชมยินดีแห่งความรัก และการเป็นคริสตชน ประสบการณ์เหล่านี้ของพระศาสนจักรให้ความรู้และฝึกอบรมเยาวชน ไม่เพียงแต่เพื่อประสบผลสำเร็จในอาชีพ แต่ยังเป็นการพัฒนาและสนับสนุนพระพรที่พระเจ้าทรงมอบให้กับพวกเขา เพื่อที่จะรับใช้ผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น รูปแบบต่าง ๆ ที่น่าสรรเสริญของการรับใช้ชั่วคราวของบรรดาธรรมทูตเหล่านี้ คือจุดเริ่มต้นที่เกิดผล และโดยทางความสามารถ  ในการเข้าใจถึงกระแสเรียก พวกเขาสามารถช่วยท่านให้ตัดสินใจที่จะทำให้พระพรในการเป็นผู้แพร่ธรรม    ของท่านสมบูรณ์

          สมณองค์กรสนับสนุนการแพร่ธรรม (พีเอมเอส) เกิดมาจากบรรดาหัวใจที่เป็นวัยรุ่น เพื่อเป็นเส้นทางสนับสนุนการเทศน์สอนข่าวดีให้กับทุกชาติ และให้ความช่วยเหลือเพื่อความเจริญของมนุษย์และด้านวัฒนธรรม แก่ผู้ที่กระหายที่จะรู้จักองค์แห่งความจริง ทั้งนี้ ความช่วยเหลือด้วยการสวดภาวนาและทางด้านปัจจัยทั้งหมด จะมอบให้และแจกจ่ายด้วยความใจกว้างโดยผ่านทางสมณองค์กรสนับสนุนการแพร่ธรรม (พีเอมเอส) เพื่อให้สันตะสำนักมั่นใจได้ว่า ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือตามความจำเป็นส่วนตัวของแต่ละคนนั้น สามารถเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดีตามสภาพการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขา  ไม่มีผู้ใดยากจนถึงขนาดที่ไม่สามารถให้ในสิ่งที่ตนเองมีหรอก  เพราะมันคือสิ่งแรกและสำคัญที่สุด  อันได้แก่สิ่งที่พวกเขาเป็นอยู่นั่นเอง  พ่อขอพูดซ้ำอีกที ถึงคำพูดที่พ่อให้กำลังใจบรรดาเยาวชนชิลีว่า “จงอย่าคิดว่า เธอไม่มีสิ่งใดที่จะมอบให้ หรือคิดว่าไม่มีใครต้องการเธอนะ แต่ให้คิดและจดจำไว้ในจิตใจว่า มีคนจำนวนมากต้องการเธอ จำไว้นะ ขอให้พวกเธอแต่ละคน คิดไว้ในจิตใจของตนเองว่า มีคนจำนวนมากต้องการฉัน” (พบกับบรรดาเยาวชนที่สักการะสถานไมปู: 17 มกราคม 2018)

          บรรดาเยาวชนที่รัก เดือนตุลาคมที่จะมาถึงนี้ เป็นเดือนแห่งการแพร่ธรรม เราจะจัดสมัชชาเพื่อพวกเธอ เพื่อพิสูจน์ว่า จะเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ช่วยให้เรากลายเป็นศิษย์ธรรมทูต ที่สามารถอุทิศตนแด่พระเยซูเจ้า และพันธกิจของพระองค์มากขึ้นด้วยความรักและความเชื่อมั่นในพระองค์ จนสุดปลายแผ่นดิน พ่อวอนขอพระนางมารีย์ ราชินีของบรรดาอัครสาวก นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ นักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู และบุญราศีเปาโล มานนา ได้เสนอวิงวอนเพื่อเราและอยู่เคียงข้างเราตลอดไป

วาติกัน
20 พฤษภาคม 2018
สมโภชพระจิตเสด็จลงมา
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส


LINKS

www.ppoomm.v

http://www.catholicmission.org.au/http://www.missionsocieties.ca/www.pms-phil.orgwww.missio.org.mthttp://www.obrasmisionalespontificias.es/คณะธรรมทูตไทย

สถิติการเยี่ยมชม

14534056
Today
Yesterday
This Week
This Month
All days
1211
1240
4419
10651
14534056
Your IP: 3.145.191.22
2024-04-27 23:56